ทัศนะศึกษา (แอบ) ดูงานการศึกษา ประเทศเยอรมนี
(หัวใจของการปฏิรูป คือระบบการศึกษา)
จากการที่ล้มเหลวทางการค้า ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2552 เพราะขาดการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมที่ดีพอ นั้นคือ คำอธิบายของฉัน ......เพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านที่ไปกลับมา ไม่ใคร่อยากจะพูดถึงมัน เพราะพวกเขารู้สึกอับอาย กับการล้มเหลว
(โรงแรมที่ดิฉันพัก มีที่นั่งสำหรับผู้ใหญ่ ก็ต้องจัดมุมให้เด็ก ๆ ด้วย ประกอบด้วย อาหาร มุมหนังสือ ของเล่น)
สำหรับฉันมันคือบทเรียนที่ล้ำค่า เปรียบเหมือนอัญมนีที่หาค่าไม่ได้ ถ้าฉันไม่ล้มเหลวที่ประเทศเยอรมนี ก็จะไม่เกิดการท้าทาย ให้ฉันทำงานด้านท่องเทียวระหว่างประเทศเช่นทุกวันนี้ ถ้าฉันไม่ไป ฉันก็คงไม่ได้เรียนรู้ ว่าวิถีชีวิตและประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นเช่นไร และทั้งหมด นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ของฉันนับจากวันนั้นถึงวันนี้ และกลายเป็นความผูกพันระหว่างฉันกับเยอรมนี....
(เด็กเล็ก ๆ จะต้องเรียนรู้ช่วยเหลือตัวเอง และ เรียนนอกสถานที ...ภาพนี้เป็นสถานที่ดิฉันไปแสดงสินค้าโอท็อป)
ฉันได้รับมอบหมาย ให้เตรียมงาน พาคณะทัวร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยนักวิชาการและครูอาจารย์ จำนวนมากกว่า 30 ท่าน เพื่อไปดูงานการศึกษา ในช่วงพฤษภาคม 2557 นี้ ดิฉันรับงานโดยไม่รอช้า ไม่สนใจว่า จะได้รับรายได้สักเท่าไหร่ ประเด็นคือ ดิฉันสนเรื่องการปฏิรูประบบการศึกษาไทยเป็นอย่างมาก ดิฉันมีความเชื่อถ้าจะปฏิรูป หัวใจสำคัญ คือ ปฏิรูประบบการศึกษา เพราะเด็กวันนี้คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า และคือผู้รับผิดชอบชาติบ้านเมือง ถ้าระบบดี ผลที่ออกมาก็จะดีด้วย
ดิฉันต้องทำการบ้านหนักค่ะ...เป็นเรื่องท้าทาย ของดิฉันที่เคยทำงานทางด้านการท่องเทียว ทั้งในรูปแบบ ธุรกิจ วัฒนธรรมและธรรมชาติ แต่ภาระกิจทางด้านการศึกษา เป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากที่สุด เพราะมันเป็นการลงทุนของหน่วยงานราชการ ที่ต้องกลับมาเพื่อมีประสิทธิภาพให้มากที่สุด ...
ดิฉันอยากให้ผู้อ่านได้อ่านความคิด ของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่ชื่อว่า Giovanni Satori เขากล่าวไว้อย่างน่าฟังในบทความเรื่อง “Governed democracy and governing democracy” ว่า การศึกษา เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนพลเมืองจากในฐานะที่ถูกปกครองเท่านั้น ให้กลายเป็นผู้ที่สามารถปกครองตนเองได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การศึกษาเป็นกระบวนการจำเป็นที่ใช้เวลายาวนานที่ไม่มีการอัศจรรย์ใดๆ มาช่วยให้คุณภาพเกิดขึ้น หากไม่ลงมือทำตั้งแต่ในวันนี้...
ท่านผู้อ่านค่ะ ประเทศเยอรมนี เป็นประเทศหนึ่งที่มีการวางรากฐานความเป็นประชาธิปไตยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยการพัฒนาสู่การเป็นรัฐสมัยใหม่ในปี 1871 เป็นต้นมา ถึงขนาดมีการพัฒนาระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ออกแบบการคัดเลือกผู้สำเร็จราชการในระดับต่างๆ ในประเทศ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นแบบอย่างที่ส่งอิทธิพลไปยังระบบรัฐสภาของประเทศต่างๆ ในยุโรป และแม้กระทั่งระบบสภาในสหรัฐอเมริกา และแม้ว่าประเทศเยอรมนีจะกลายเป็นประเทศผู้แพ้สงครามถึงสองครั้ง รวมถึงผจญกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการเมืองภายในประเทศจากการนำของอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ รวมถึงต้องเผชิญกับการถูกแบ่งประเทศออกเป็นสองฝั่งแบบที่เรียกว่าถูกกระชากกออกจากกันด้วยระบบการปกครองที่แตกต่างกันอย่างเหลือเกินในช่วงภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศเยอรมนีนี้ก็ยังสามารถกลับมาเป็นผู้นำในความสำเร็จหลายๆ ด้านได้อย่างน่าเหลือเชื่อ อย่างนี้หากไม่เรียกว่าความอัศจรรย์ก็คงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความอัศจรรย์นี้ คงไม่ได้อาศัยฤทธิ์เดชใดๆ นอกจากความเพียร มุมานะ และความร่วมใจของคนในชาติ รวมถึงการนำประเทศอย่างมีทิศทางของผู้นำของเขา รวมถึงปัจจัยสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การปฏิรูปการศึกษา”
ผู้นำของประเทศเยอรมนีตระหนักว่า หากจะพัฒนาประเทศไปอย่างมีทิศทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนพื้นฐานของประชาธิปไตย อันจะยังประโยชน์อย่างมหาศาลมาสู่ประเทศบนรากฐานสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ทั้งประเทศเยอรมนีต้องพร้อมใจกันปฏิรูปการศึกษา โดยพวกเขาริเริ่มทำกันอย่างไร ขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
1. หลักพื้นฐานสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาของประเทศเยอรมนี คือ การพัฒนาระบบการศึกษาให้เป็นระบบที่มีคุณภาพสูงสุด โดยพลเมืองภายในประเทศทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน หากนำมาเกี่ยวข้องกับหลักประชาธิไตยแล้ว ก็ถือได้เป็นหลักยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากหากพลเมืองภายในประเทศมีความสามารถในการเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนภายในประเทศก็จะมีอำนาจในการตัดสินใจที่มีคุณภาพ จะไม่ถูกซื้อขายสิทธิกันให้วุ่นวาย รวมถึงเมื่อรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐมีข้อมูลข่าวสารใดๆ ก็อันเป็นที่แน่ใจว่าจะไม่มีกลุ่มคนใดที่ตกสำรวจ
2. ประเทศเยอรมนี ได้พัฒนาระบบการศึกษา หรือหลักสูตรการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ประชาธิปไตย ให้แก่สถาบันการศึกษาทั่วทั้งประเทศอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยทั้งนี้ ความร่วมมือร่วมใจนี้เกิดขึ้นในทุกระดับ เรียกได้ว่า เป็นแบบอย่างของความสามัคคีในระดับชาติเลยก็ว่าได้ น่านับถือจริง ๆ ในจุดนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องจะร่วมใจประสานนโยบายต่าง ๆ จากภาครัฐได้อย่างประสบความสำเร็จเช่นนี้
3. เป้าหมายที่ประเทศเยอรมนีในครั้งที่มุ่งปฏิรูประบบการศึกษาบนรากฐานประชาธิปไตยนี้ ได้กำหนดแผนการณ์เพื่อพัฒนาระบบและเครือข่ายที่สำคัญไว้อย่างครบถ้วน จนทำให้เห็นถึงความรอบคอบและความร่วมมือกันของทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อาทิ การพัฒนาความรู้ที่ใช้สอนภายในสถาบันการศึกษา การวางแผนสร้างโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการสนับสนุนและต่อยอดแบบแผนการปฏิรูปการศึกษา การคำนึงถึงการออกแบบระบบบริหารการจัดการที่เอื้อประโยชน์ต่อการปฏิรูปการศึกษา การออกแบบหลักสูตรวิชาการต่าง ๆ รวมถึงวิธีการสอนและถ่ายทอดวิชาการอย่างมีคุณภาพและนำไปใช้ปฏิบัติได้ รูปแบบหรือสไตล์การสอน ทัศนคติที่มีต่อการสอนหรือการศึกษาของครูบาอาจารย์ ผู้ปกครอง และนักเรียน
4. ผู้นำของประเทศผลักดันการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของท่านคอนราด อเดเนา (Konrad Adenauer) ที่ได้พยายามสร้างระบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้การศึกษาภายในประเทศสร้างคนที่มีคุณภาพ อาทิ การคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะมาเพื่อทำการอบรมเพิ่มเติมโดยเฉพาะในด้านการเมือง รวมถึงการให้ทุนเพื่อไปศึกษาต่อยังประเทศต่างๆ ในยุโรป นอกจากนี้ ท่านยังได้สนับสนุนการสร้างฉันทามติในเรื่องประชาธิปไตยให้กับคนในชาติ การออกแบบนโยบายการพัฒนาประเทศที่เป็นลักษณะเฉพาะของเยอรมนีโดยทำการผสมผสานระหว่างการค้าแบบเสรีและการตลาดแบบสังคมนิยม (Free market and Social-market policies) และการพยายามผลักดันให้ประเทศเยอรมนีเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสหภาพยุโรป รวมถึงการสร้างประเทศให้เป็นปึกแผ่นภายใต้การเคารพกฎหมายสูงสุด หรือ Rule of Law ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย
5. การปฏิรูปการศึกษาของประเทศเยอรมนีนั้น มีเป้าหมายเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงการเมืองแบบประชาธิปไตยให้เป็นวัฒนธรรมหนึ่งในการดำเนินชีวิตของพลเมืองภายในประเทศ
6. การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพ ครู ภายในประเทศ และจากการที่ได้สืบค้น พบว่าอาชีพครู เป็นอาชีพที่คนเยอรมันอยากจะเป็นและให้เกียรติ ทั้งนี้เนื่องจากค่าตอบแทนที่ดี รวมถึงวันหยุดยาวที่ได้รับพร้อมเด็กๆ นักเรียน
และนี้คือประเทศผู้แพ้สงคราม แต่หัวใจของผู้นำของเขา มองอนาคตของประเทศ มองอย่างเป็นกระบวนการ และมองอย่างมีทิศทาง และผู้บริหารมหาวิทยาลัย จะไปดูงานระบบการศึกษา ภายใต้กรอบการศึกษาที่ดิฉันนำเสนอ ในมหาวิทยาลัยของเมืองต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวกับระบบการศึกษา โดยมีลามแปรเป็นภาษาไทยและอังกฤษค่ะ
ถึงตรงนี้ ทุกท่านค่ะ ,ท่าน ผอ. สถานศึกษา และท่านผู้บริหารสถานศึกษาค่ะ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของชาติไทยค่ะ ท่านต้องการให้ดิฉัน อำนวยความสะดวกในเรื่อง ทัศนะศึกษาดูงานการศึกษาประเทศสิงค์โปร์,เยอรมนี ,เวียดนาม หรือประเทศอื่นใดที่ประสงค์ ดิฉันยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะนำมาซึ่งเวลาที่ไม่สูญปล่าวกับการศึกษาค้นคว้า และประสานงานกับเครือข่ายต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม และนำมาซึ่งการร่วมกันสร้างชาติ ด้วยการสร้างระบบการศึกษาไทยให้เข็มแข็ง ทุกท่านสามารถติดต่อประสานงานกับดิฉันผ่านเว็บไซด์ หรือโทรศัพท์ตรงที่ 080-2653674 ค่ะ ดิฉันจะยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ
สิริวารี รำเพย
www.touraseanworld.com
Exhibition GERMANY :เรียนรู้ความล้มเหลว