
T&T เครื่องดื่ม Biotech (ฺBiotechnology)
อุตสาหกรรมชีวภาพ(Biotech Industry) ของบริษัทเอเอส เวิลด์ เทรดดิ้งแอนด์มาเก็ตติ้งจำกัด
บริษัททำการเกษตรปลูกหมากเม่า(เม่าบลอรี)ที่อำเภอภูพาน จ.สกลนคร จำนวน 200 ต้นและร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนบ้านโนนหัวช้าง และสหกรณ์บ้านโนนหัวช้างในการรับซื้อผลิตผลและแปรรูป และในปัจจุบันบริษัททำการเกษตรปลูกหมากเม่า(เม่าบลอรี)เพิ่มเติมจำนวน 1,000 ต้นที่ อ.จอมบึ้ง จ.ราชบุรี บริษัทเป็น SMEs ทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาทกำลังพัฒนาเป็น Smart Farmer และรูปแบบของการลงทุนในธุรกิจ รูปแบบเกษตรอุตสาหกรรม นั้นคือปลูก-แปรรูป- จำหน่าย น้ำผลไม้และไวน์ มีมาตรฐานสินค้าออร์แกนิค ,มผช และอย. จึงเป็นสาเหตุให้
กองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กรมส่งส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม คัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ
วิธีการและกระบวนการทำงาน-ใช้เทคนิคสกัดร้อน ทำให้มีอายุของน้ำผลไม้ 2 ปี แต่รสชาติเปลี่ยน และต้องบรรจุในขวดแก้วเท่านั้น
ประโยชน์ของน้ำผลไม้จากเม่าบลอรี(หมากเม่า) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มะเม่ามีศักยภาพในการช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV อีกด้วย (กัมมาลและคณะ, 2546) ช่วยบำรุงสายตา (ผลสุก)
ประโยชน์ของไวน์แดงเม่าบลอรี(หมากเม่า) ไวน์นอกจากช่วยด้านอารมณ์ ความสัมพันธ์ในครอบครัวในสังคมแล้ว หมากเม่ามีแอนโทไชยานินจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระไม่ก่อให้เป็นโรคมะเร็ง และจะช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย คุณค่าทางด้านสมุนไพร การบริโภคผลหมากเม่าสุกในปริมาณที่พอเหมาะ มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยบำรุงสายตา ขับเสมหะ ฟอกโลหิต


จากการทำงานของบริษัทประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ ได้แก่
1.ด้านการเกษตร ปรับปรุงคุณภาพของดินและน้ำในพื้นที่การเกษตร
ลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม
ช่วยให้ที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อบริโภคปลอดภัย และถูกสุขอนามัยมากขึ้น
ช่วยให้สัตว์ที่เลี้ยงเพื่อบริโภคมีพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดความเสี่ยงการ กลายพันธุ์
ช่วยให้ระบบวัฏจักรและวงจรธรรมชาติต่าง ๆ ในไร่ดีขึ้น
2.ด้านสิ่งแวดล้อม ได้รับผลพลอยได้ไปด้วย เพราะการปลูกหมากเม่าออร์แกนิกมีส่วนช่วยลดสารพิษในสิ่งแวดล้อมได้ เพราะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ จึงไม่มีการปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ
3.ด้านอุตสาหกรรมอาหาร การนำหมากเม่าหรือมะเม่ามาแปรรูปเป็นไวน์ถือเป็นความสำเร็จในการพัฒนาเพิ่มมูลค่าของไม้ผลท้องถิ่นได้อย่างดีมาก ทำให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์โดยตรงอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกให้ชาวบ้านในท้องถิ่นเกิดความรักหวงแหน พร้อมกับช่วยอนุรักษ์ไม้ชนิดนี้ ซึ่งนับเป็นพื้นบ้านสำคัญที่ทรงคุณค่าให้อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป