
ช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในความล้มเหลวทางการค้าที่ประเทศเยอรมนี ดิฉันก็คิด ดิฉันควรจะได้อะไรบ้าง เช่น อยากรู้ว่าสตรีไทยที่มาแต่งงานกับหนุ่มเยอรมนีทำอะไรกันบ้างหน่อ ? หรือมาอยู่เป็นคุณนาย ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ตามข้อเท็จจริงที่สัมผัส คือ พวกเธอนอกจากทำงานบ้าน ปฏิบัติพัดวีคุณสามีแล้ว คุณเธออยากมีเงินส่งทางบ้านหรือไว้ใช้จ่ายส่วนตัว เธอต้องทำงานรับจ้าง เป็นรายชม.เพื่อให้ครอบครัวไม่มีปัญหา เช่น เธอไปรับจ้างทำงานบ้าน คนที่มีความรู้หน่อยมีใบประกาศ เธอก็ไปทำงานร้านสปา หรือร้านนวดของคนไทย เป็นต้น

เรามาดูซิ ว่าร้านสปาไทยในเยอรมนีเป็นอย่างไรกันบ้าง ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่า ธุรกิจสปาในเยอรมนี เป็นอย่างไรกันบ้าง
ปัจจุบัน เยอรมนีเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำและมีจำนวนผู้สูงอายุค่อนข้างมาก ประกอบกับค่านิยมของชาวเยอรมันที่ให้ความสนใจในการรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการที่ประเทศเยอรมนีออกกฎหมายกำหนดให้ผู้ที่มีรายได้เป็นประจำตั้งแต่ 400 ยูโรขึ้นไปต้องทำประกันสังคมและมีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันสังคม และบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ โดยแยกการประกันสุขภาพออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่


1. การประกันสุขภาพตามที่กฎหมายบังคับคิดเป็นอัตราส่วนประมาณร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมดสามารถแบ่งการประกันออกเป็น
1.1 การประกันสุขภาพภาคบังคับสำหรับคนงานและพนักงาน
1.2 การประกันสุขภาพร่วมกับสมาชิกในครอบครัว (Familienversicherung)
1.3 ประกันสุภาพสำหรับคนตกงาน
2. การประกันสุขภาพส่วนตัวแบบพิเศษ ได้แก่ ประชากรที่มีรายได้สูง ผู้บริหารของบริษัทและองค์กรต่างๆ คิดเป็นอัตราส่วนประมาณร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด
3. การประกันสุขภาพที่ได้รับการรักษาฟรี ซึ่งได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ ทหารและตำรวจ คิดเป็นอัตราส่วนประมาณร้อยละ 3 ของประชากรทั้งหมด
สำหรับการประกันสุขภาพนั้น นอกจากจะหมายถึงการให้บริการทางการแพทย์แล้ว ยังรวมถึงสถานที่บำบัดรักษาและสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องทางด้านสุขภาพ แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
* สถานพักฟื้น คลีนิคกายภาพบำบัด ค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดสำนักงานประกันสุขภาพจะเป็นผู้ออกให้ ตามความเห็นของแพทย์
* กิจการที่ให้บริการด้าน Spa และ Wellness หากแพทย์เห็นสมควรและเขียนใบสั่งให้ผู้ป่วยเข้าบำบัดรักษา บริษัทประกันสุขภาพจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย สำหรับบุคคลทั่วไปที่ประสงค์จะใช้บริการประเภทนี้ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แบ่งการบริการ ได้ดังนี้ การนวดทั้งตัวหรือบางส่วน, การอบไอน้ำ อาบน้ำแร่, ยิมนาสติกแบบธรรมดาและยิมนาสติกในน้ำ, การพอกตัว พอกหน้า, การฝังเข็ม ฯลฯ สำหรับการนวดที่ได้รับความนิยมในเยอรมนีได้แก่ การนวดน้ำมัน, ใช้เครื่องหอมต่างๆ,การนวดแบบ Aryurveda แบบจีนและแบบไทย


ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า Wellness สรุปผลจากแบบสอบถามและการประเมินผล พบว่าชาวเยอรมันให้ความหมายของ Wellness ดังนี้
- การพักผ่อน (24%)
- ความรู้สึก (19%)
- นันทนาการ (17%)
- สุขภาพ (15%)
- ความหรูหรา มีระดับ (14%)
- การฟื้นฟู (6%)
- อื่นๆ(5%)
ทั้งหมดคือภาพรวม ที่ทำให้สปาไทย ได้รับความนิยม และใช้ประโยชน์จากนโยบายที่ชาวเยอรมันจะได้รับบริการจากคำว่า Wellness
- ซาวน่า (28%)
- นวด (18%)
- ร้านเสริมสวย (9%)
- Aromtheraphie (7%),
- อื่นๆ (38%)
ภาพรวมของธุรกิจร้านนวดไทย/สปาไทยในประเทศเยอรมนี
การนวดไทย/สปาไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวเยอรมันที่เคยเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านนวดไทย/สปาไทยในเยอรมนีมีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นสูง ในปัจจุบันมีร้านนวดไทย/สปาไทยเปิดขึ้นใหม่ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศเยอรมนีเป็นจำนวนมาก รวมมีร้านนวดไทย/สปาไทยมากกว่า 379 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยรัฐที่มีจำนวนร้านนวดไทยมากที่สุดคือ Berlin (121),Nordrhine-Westfalen (72), Hessen (55) และ Baden-Wrttemberg (32) เรียงตามลำดับ

การนวดไทยแผนโบราณเป็นที่รู้จักดีในเยอรมนี และได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีชาวเยอรมันผู้ประกอบอาชีพด้านการนวด กายภาพบำบัด สนใจและได้เดินทางไปเรียนรู้ ศึกษาอย่างจริงจังในประเทศไทย รวมทั้งที่วัดโพธิ์ด้วย ต่อมาก็ได้เปิดกิจการเน้นการนวดแผนไทย หรือเพิ่มการนวดแผนไทยเข้าไว้ในบริการที่ร้านของตน นอกจากนี้ ยังมีสถาบัน สมาคมและองค์กรที่สอนการนวด กายภาพบำบัดหลายแห่ง ได้เพิ่มการสอนนวดแผนโบราณในโปรแกรมการสอน โดยมีอาจารย์ผู้สอนที่ผ่านการอบรม ศึกษาการนวดแผนไทยด้วย มีทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติอื่นๆ


ในเยอรมนี หน่วนงานด้านวิชาชีพ (Berufsgenossenschaft) กำหนดให้การนวดเป็นอาชีพงานฝีมือ เป็นการบำบัด การรักษาโรค จะอนุญาตให้เปิดสถานบริการการนวดได้เมื่อเจ้าของกิจการมีคุณสมบัติคุณวุฒิถูกต้องตามกฎระเบียบ เช่น ผ่านการศึกษาในวิทยาลัยสายอาชีพ ครูยิมนาสติก หรือผ่านการเรียนการฝึกงานด้านกายภาพบำบัด เป็นต้น กิจการที่ดำเนินการโดยผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ จะได้รับความเชื่อถือระดับหนึ่งสถานบริการประเภทนี้จะมีบริการสอนการนวดแบบต่างๆ รวมทั้งการนวดแบบไทยด้วย โดยผู้ร่วมงาน อาจารย์ของกิจการเหล่านี้ซึ่งจะมีทั้งคนไทยและเยอรมันต่างเคยไปศึกษา ได้รับการอบรมการนวดแผนไทยในประเทศไทยด้วยเช่นกัน


แม้ว่าการนวดไทยจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศเยอรมนี แต่ภาพลักษณ์ของการนวดไทยบางแห่งยังเป็นภาพลบสำหรับชาวเยอรมัน แต่ในปัจจุบันสมาคมสปาไทยแห่งเยอรมนี (Thai Spa Association Germany) ได้รณรงค์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ธุรกิจนวดแผนไทยและสปาไทยรวมถึงการสอดส่องดูแลธุรกิจนวดไทย/สปาไทยในกลุ่มสมาชิกทั้งหมด
ในประเทศเยอรมนี สามารถเปิดร้านนวดแผนไทยในลักษณะเป็นคลีนิกเพื่อการบำบัดรักษาได้โดยผู้เชี่ยวชาญที่จะนวดให้การบำบัดรักษา และจะต้องนำประกาศนียบัตรนวดแผนไทยที่เรียนมาทั้งหมด (เช่น ใบจากวัดโพธิ์และใบประกาศนีบัตรการอบรมความรู้ต่างๆ) ไปแสดงต่อสำนักงานจดทะเบียน Gewerbeamt เพื่อให้สอบสัมภาษณ์และสาธิตการนวดให้คณะกรรมการดู เพื่อให้ทางการเยอรมนีเซ็นใบอนุญาตปัจจุบันร้านนวดไทยที่เป็นลักษณะคลินิกเพื่อการบำบัดรักษามีน้อยมากเช่น ที่เบอร์ลินมีจำนวน 3 ร้าน นครแฟรงก์เฟิร์ตจำนวน 1 ร้านปัญหาส่วนใหญ่ได้แก่ การนำเข้าอุปกรณ์ เช่น ลูกประคบ ซึ่งอาจนำเข้าได้ยากกว่าลูกประคบแบบสปา แม้ว่าลูกประคบจะมีลักษณะคล้ายคลึงหรือเป็นแบบเดียวกัน


ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในร้านนวดไทยและสปาไทยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งของตกแต่งร้าน, ลูกประคบ, ยาหม่อง, น้ำมันนวด สำหรับบางร้านที่ประสบปัญหาการหาซื้อผลิตภัณฑ์จากไทยก็จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเยอรมันทดแทน
2. จำนวนกิจการนวดไทย/สปาไทยในประเทศเยอรมนี
ประเทศเยอรมนีมีจำนวนกิจการนวดไทย/สปาไทยมากกว่า379 ร้าน กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยรัฐที่มีจำนวนร้านนวดไทยมากที่สุดคือ Berlin (121), Nordrhine-Westfalen (72), Hessen (55), Baden
Wrttemberg (30) เรียงตามลำดับ และเมืองที่มีร้านนวดไทยมากที่สุด คือ กรุงเบอร์ลิน มีร้านนวดไทย/สปาไทยจำนวนทั้งสิ้น 121 ร้าน รองลงมาได้แก่ นครแฟรงก์เฟิร์ต 21 ร้าน มิวนิค 10 ร้านและเมือง Mannheim 9 ร้าน ซึ่งในจำนวนร้านนวดไทย/สปาไทยในเยอรมนีทั้งหมดนั้น มีร้านนวดไทย/สปาไทยจำนวน 14 ร้าน ที่ได้รับการรับรองและได้รับใบประกาศนียบัตรว่าเป็นร้านที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม จากกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ของไทย (รายละเอียดรายชื่อร้านนวดไทย/สปาไทยในเยอรมนีทั้งหมด ตามเอกสารแนบท้าย)
3. กฎระเบียบ/ข้อกำหนดและขั้นตอนในการจัดตั้งธุรกิจ
การจดทะเบียนการค้า (Gewerbeschein)
ในการเปิดร้านนวดไทย/สปาไทย ผู้ประกอบการจะต้องมีใบทะเบียนการค้าหรือ Gewerbeschein โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอจดทะเบียนการค้าได้ที่สำนักงานการค้า (Gewerbeamt) ทั้งนี้ หากจะเปิดร้านในเมืองขนาดเล็ก สำนักงานการค้า (Gewerbeamt) อาจจะมิได้ตั้งเป็นเอกเทศ แต่ตั้งรวมอยู่ในเทศบาลเมืองหรือศาลาว่าการจังหวัด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาว่าหน่วยงานที่จะต้องไปติดต่อนั้นมีชื่อว่าอะไรและตั้งอยู่ที่ใด โดยปรกติผู้ประกอบการจะต้องไปยื่นเอกสารด้วยตนเองแต่ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการสามารถขอจดทะเบียนการค้าได้ทางอินเทอร์เน็ต ในหลายเมืองได้แล้ว
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอใบทะเบียนการค้า
เอกสารที่ต้องใช้ในการติดต่อขอจดทะเบียนการค้า ประเภทบุคคล ได้แก่
1)เอกสารประจำตัว เช่น พาสปอร์ต
2)สำหรับชาวต่างชาติ จะต้องแสดงวีซ่าที่ระบุการอนุญาตให้ประกอบกิจการได้ เช่น eine Aufenthaltsgenehmigung der zustไndigen Auslไnderbeh๖rde
3)แบบฟอร์มการขอใบทะเบียนการค้า ติดต่อขอได้จากสำนักงานจดทะเบียนการค้าหรือดาวน์โหลดได้จากทางอินเตอร์เน็ท


แต่เรื่องยุ่งยากมากสำหรับการเปิดร้านสปา มีขั้นตอนมากมาย และผู้นวดที่จะได้รับการยอมรับจะต้องมีใบประกาศให้ถูกต้อง และจากการที่คุยกับโธมัส และตุ๊กตา เหรัญญิกสมาคมสปาไทยในเยอรมนี บอกว่าท่านใดต้องการไปทำงานด้านนี้สามารถประสานงานขอคำแนะนำได้ค่ะ หรือติดต่อมาที่ดิฉัน ประสบการณ์สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องนี้ชัดเจนค่ะ
Exhibition GERMANY :เรียนรู้ความล้มเหลว

บริษัทเอเอส เวิลด์ เทรดดิ้งแอนด์มาเก็ตติ้ง จำกัด T&T