
วันที่ 28-30 สค.1-9 กย.52( 12 วัน) อาจารย์สิริวารี รำเพยและคณะผูู้ประกอบการจำนวน 5 บริษัทนำสินค้าไปทดสอบตลาดที่ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมือง Hom-Bad Meinberg,นอร์ธไรน์เวสท์ปาเลีย, โดยการประสานงานของผู้จัดงาน

คณะเราได้รับเชิญจากนักหนังสือพิมพ์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทย เธอเป็นผู้ประมูลการจัดงาน “I Love Thailand”ที่เยอรมนี โดยเชิญทางโทรศัพท์ เพื่อให้ไปออกบูธแสดงสินค้าและจำหน่าย ที่สาธารณะรัฐเยอรมนี
คณะของเราปรึกษาหารือกับเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการ SMEs-Otop หรือเรารวมตัวกันเรียกว่า SMOT ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยที่จะไปร่วมแสดงสินค้าและจำหน่ายในครั้งนี้ โดยมีดร.ปริวรรต สาคร ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม SMOT เป็นผู้นำในการเดินทางไปร่วมกิจกรรม มีฉัน(สิริวารี รำเพย) และมีพี่อีกคนสองร่วมคณะ เราไปกัน 5 คน คณะได้รวบรวมข้าวของจากเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการ เพื่อฝากไปแสดงและจำหน่ายจำนวนมาก และการจัดการต่าง ๆ เช่น
โรจีสติก–เราส่งตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ ทำการส่งไปทางเรือ และข้าวของที่สำคัญเรานำไปโดยโลนขึ้นเครื่องบินจำนวนหนึ่ง ทางผู้จัดให้เราส่งไปที่เมืองตามเป้าหมาย และเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบนำสินค้าทั้งหมดมาไว้ที่งาน(นั้นคือข้อตกลง)
วีซ่า-ดำเนินการประสานงานทางด้านขอวีซ่า โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้จัดงานและนายอำเภอของเมือง ในฐานะแขกเพื่อไปร่วมแสดงสินค้า ทำให้การขอวีซ่ายุ่งยากในช่วงเริ่มต้น แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
ตั๋วเครื่องบิน เราใช้บริการของเพื่อนท่านที่ร่วมคณะไปกับเรา แต่ก็อดแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมเราไม่จองกันเอง โดยซื้อทางอินเตอร์เน็ต
ที่พัก เจ้าภาพบอกว่าจองให้เราโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เราเดินทางไปเยอรมนีโดยลงเครื่องบิน…..มีเจ้าหน้าที่มารับที่สนามบิน โดยนั่งรถไปที่เมือง และที่งาน ดูการจัดงาน และค่ำ เรากลับไปพักผ่อนที่โรงแรม A Hans Yoga Vidya
เช้าเรารอรถมารับ โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับการวิปัสสนา และกลุ่มที่มีความเชื่อทางด้านโยคะ เราพักร่วมกับนักศึกษาที่เข้ามาช่วยงาน เราไปถึงงานปรากฏว่าข้าวของ ของเรายังมาไม่ถึง เราสอบถามถึงข้าวของ ซึ่งทางผู้จัดบอกว่า กำลังเดินทางอยู่บนท้องถนน…
เช้าวันที่ 2 ไป-กลับเราเดินจากที่พักไปสักประมาณ 5 ป้ายรถเมล์ เราเดินไปพร้อมกับข้าวของ โดยดร.ปริวรรต เป็นคนแบกข้าวของทั้งหมด และเรานำข้าวของที่เรานำติดตัว จัดแสดงสินค้าและจำหน่าย พร้อม ๆ กับติดตามข้าวของ คำตอบที่ได้รับคือกำลังเดินทาง วันที่สองพวกเราเริ่มกังวลมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำดีที่สุดคือพยายามที่จะขอให้เขาได้ดำเนินการ จัดส่งข้าวของมาให้เร็วที่สุด เพื่อเราจะได้ขายให้หมด ไม่นำกลับเพราะต้องเจอภาษีหนักมาก
เช้าวันที่ 3 การเดินทางของพวกเรา ไปกลับด้วยตัวเอง ดร.ปริวรรตแบกข้าวของไปกลับทุกวัน ผ่านทุ่งข้าวโพค,บ้านเรือนของคนชนบทและดอกไม้ 2 ข้างทาง ใกล้ฤดูหนาว ที่ออกดอกสวยงามวันที่ 3 พวกเราเริ่มทนไม่ไหว เพราะเหลือเวลาแค่ 2 วัน ถ้าเราจำหน่ายไม่ทัน จะเป็นปัญหาต้องนำข้าวของกลับ เราเริ่มคิด และเริ่มที่จะสอบถามตรง ๆ พร้อมกับการหาข้อมูลต่าง ๆ และเริ่มทราบว่า ทางผู้จัดยังไม่เอาสินค้าออกจากท่าเรือ เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายทางด้านภาษีอีกจำนวนหนึ่ง และเริ่มเห็นผู้จัดประสบปัญหาทางด้านการจัดการและการเงิน เนื่องจากบูธขายไม่หมด และไม่มีเงินสำหรับค่าจ้าง เด็ก ๆ นักศึกษาที่มาช่วยงาน เราเริ่มคิดและเตรียมการแก้ใขปัญหาต่าง ๆ
เช้าวันที่ 4 ซึ่งเกือบเป็นวันสุดท้าย เราพยายามหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ พยายามที่หาที่พึงพิง หลังจากเสร็จงานเนื่องจากการจองตั๋วเครื่องบินมากกว่ากำหนดจัดงานถึง 4 วัน สินค้าก็ไม่สามารถนำออกจำหน่าย จะไปอยู่ที่ไหน มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยบ้าง เช่น น้องเล็ก พยาบาลสาว ซึ่งเป็นศิลปิน วาดภาพมาโชว์,โธมัส และตุ๊กตา ซึ่งเปิดร้านนวดไทยในเยอรมนี เชิญชวนให้ไปเทียวและพักที่นั้น,และเราก็ขออนุญาติท่านเจ้าอาวาสวัด……เพื่อไปพักก่อนกลับ…
เช้าวันที่ 5 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย เราพยายามขายสินค้าให้หมด มีคนไทยหลาย ๆ คนใจดีมาก ช่วยซื้อแม้มีเงินไม่มากนัก พยายามกันสุดฤทธิ์สุดเดช แต่ก็ยังมีสินค้าเหลือ พวกกระเป๋าของดร.ปริวรรต และผ้าไหมของลูกค้าจากลำพูน แม้ความพยายามเรามากมายแค่ไหนก็ไม่สำเร็จผล ทางฝ่ายผู้จัดหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 ทิ้งพวกเราให้ช่วยเหลือตัวเอง กับทีมงานของเขาที่จะผู้รับสินค้า แต่ยังไม่จ่ายเงิน ….
ดร.ปริวรรต ตัดสินใจไม่ขาย เพราะหากเกิดประเด็นปัญหาใด ๆ ต้องรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด และตัดสินใจว่าจะดำเนินการเพื่อขนสินค้ากลับทั้งหมด เพื่อนของเราที่ไปด้วย ขอตัวไปกลับหลวงพ่อวัด….เรา 2 คนก็เริ่มวางแผนแก้ใขปัญหา โดยมีน้องเล็กพยาบาลคนไทย ช่วยในการประสานงาน เพื่อนำข้าวของกลับ และพาเราไปค้างทีบ้านเธอ 2 คืนและช่วงนั้นก็พาพวกเรา เร่ขายสินค้าตามร้านสปาต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเรือในการดำเนินการขนสินค้ากลับประเทศไทย งานนี้จะเห็นรูปของสิริวารีน้อยมาก เนื่องจากเป็นตากล้อง,เป็นการออก Exhibition เป็นครั้งแรก และไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกเช่นกัน.. เป็น Exhibition ที่ล้มเหลว เนื่องจากขาดการเตรียมตัว ,ขาดข้อมูล ,ไว้วางใจคนที่ไม่รู้จักดีพอและขาดการศึกษาถึงกลุ่มเป้าหมาย ตลาดการค้าให้ถ่องแท้ (ตอนที่ ๒ เป็นเรื่องการขายสินค้า(ในเยอรมนี)


เราเริ่มจัดสินค้าค่ะ จัดสินค้าจากที่นำขึ้นเครื่องบินทั้งของสิริวารี และดร.ปริวรรต


ผ้าไหมนั้นเป็นของเครือข่ายผู้ประกอบการจากลำพูน เป็นไหมยกดอก ของดร.ปริวรรต มีรูปภาพ และเข้าของที่ผลิตจากหนังปลากระเบน


จัดงานที่ปาร์ก ในบริเวณงาน วันแรกโรงเรียนย่านนั้นจะนำนักเรียนมาชมงาน ดูการแต่งเนื้อแต่งตัว และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของนักเรียนค่ะ


ดร.ปริวรรต สาคร จัดตกแต่งสถานที่จำหน่ายสินค้าเป็นอย่างดี เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำองค์กรค่ะ


ภาพเขียนทีดร.ปริวรรต นำขึ้นเครื่องและสามารถจำหน่ายหมด


ภาพเขียนทีดร.ปริวรรต นำขึ้นเครื่องและสามารถจำหน่ายหมด


สภาพบูธสำเร็จรูปของที่เยอรมนี เป็นพลาสติก สามารถเปิดปิดได้ เพื่อป้องกันอากาศหนาว


ข้าวของของเราจัดแล้วมีแค่นี้ละค่ะ

ชัด ๆ ค่ะ


คืนวันที่ 2 ในงานมีกิจกรรมนำนักร้อง นักแสดงจากกรุงเทพฯ ไปร่วมกิจกรรม มีโอกาสเห็นว่าคนเยอรมนี ชอบรำวงและเต้นแบบไทย ๆ ค่ะ


ดร.ปริวรรต เริ่มพบปะพูดคุยกับคนไทยที่ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้จัดงาน..

อดจะเก็บภาพฝากไม่ได้ เด็ก ๆ ที่นั้น จะแยกโต๊ะรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่และพวกเขาจะต้องช่วยเหลือตัวเอง พร้อมกับมีสังคมของตัวเอง


ีีที่พักของพวกเราค่ะ


ดร.ปริวรรต ในฐานะผู้นำองค์กร ต้องแบกกระเป๋าที่หนักมาก ๆ ทั้งไปและกลับจากที่พักไปปาร์กและจากปาร์กไปที่พัก ทุกวันตลอด 5 วัน

ไร่ข้าวโผคที่พวกเราต้องเดินผ่านตลอด 5 วันที่ใช้ชีวิตที่นั้น

เป็นภาพทีดิฉันมองทุกครั้ง เจ็บปวด และจะต้องจดจำและเรียนรู้กับความล้มเหลวในการออกงาน Exhibition ครั้งแรกทุกครั้ง


สองข้างทางที่พวกเราต้องเดินผ่านในยามเช้าและบ้างค่ำคืน

สิริวารี มีรูปค่ะ ภาพนี้เป็นภาพที่ประทับใจมาก ทั้งสองท่านเป็นคนงานในโรงงาน แต่ได้ช่วยเหลือ ซื้อผ้าซิ่นไหม เพื่อให้พวกเรามีเงินสำหรับนำสินค้ากลับประเทศไทย


นี้คือน้องเล็ก พยาบาลคนสวยจากจังหวัดเพชรบูรณ์ และแต่งงานกับหนุ่มเยอรมนี แต่ในที่สุดก็อยู่เป็นโสด นอกจากเป็นพยาบาลแล้ว เปิดร้านนวดไทยด้วย ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ประสานงานนำสินค้ากลับและพาพวกเราไปเร่ขายสินค้า ตามร้านค้า ร้านสปาที่นั้น
คือบ้านของน้องเล็ก ที่ให้พวกเราพักอาศัยนอน 2 คืนในการประสานงานและพาไปเร่ขายสินค้า อบอุ่น เล็ก ๆ และมีสวนผลไม้เล็ก ๆ หลังบ้านด้วยค่ะ
เพื่อน ๆ การไปออกงาน Exhibition ไม่ว่าที่ได ๆ สิ่งสำคัญท่านต้องทำการบ้านเป็นอย่างดี เตรียมตัว อย่าเชื่อที่เขาบอก แต่ทานต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองนะค่ะ และหากท่านต้องการข้อมูลหรือต้องการปรึกษาเรื่อง Exhibition and Business Matching ติดต่อสอบถามดิฉันได้นะคะ่ ค่ะยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
Exhibition GERMANY :เรียนรู้ความล้มเหลว

บริษัทเอเอส เวิลด์ เทรดดิ้งแอนด์มาเก็ตติ้ง จำกัด T&T