อาจารย์สิริวรี รำเพย นำสินค้าไลฟ์สไตล์ประเภทเสื้อผ้าเชิงวัฒนธุรรม ไปทดสอบตลาดโดยออกบูธที่นครพนมเปญ กัมพูชา นับเป็นครั้งแรกที่ไปทดสอบตลาดที่กัมพูชา ภาพรวมการค้าของกัมพูชาโดยส่วนใหญ่พึ่งพาสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยมีนำเข้าสินค้าจากไทยปีละประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนมากเป็นสินค้าทางการเกษตร ส่วนด้านภาพลักษณ์สินค้าไทยในกัมพูชาถือว่าได้รับการยอมรับดีมาก
อาจารย์กล่าวว่า จากการเดินทางไปทำการค้า และร่วมงานแสดงสินค้า ที่กรุงพนมเปญ เมื่อเดือน ตุลาคม 2556 พบได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการค้าในขณะนี้อยู่ที่ค่าของเงินบาท ขณะที่เวียดนามขายสินค้าเมื่อแปลงเป็นดอลล่าร์สหรัฐทำให้สินค้านั้นๆ ราคาถูกกว่าของไทย อย่างไรก็ดีคนกัมพูชาก็ยังมีความชื่นชอบสินค้าไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากมั่นใจสินค้าไทยมีคุณภาพ
ประเทศกัมพูชา ณ วันนี้นับว่าเป็นช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจเติบโตปีละ 7% ขณะที่ไทยเติบโตเพียง 4% อย่างไรก็ดี คนกัมพูชามีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยมาก โดยเฉพาะซื้อสินค้าแบรนด์เนม ดิฉันนั่งเฝ้ามองการจับจ่ายใช้สอย แม้การแต่งเนื้อแต่งตัวจะธรรมดามาก หรือถ้าเป็นสังคมไทย ดูแล้วแต่งตัวไม่ดี แต่เมื่อถึงคราวควักเงินชำระค่าสินค้า กลับตรงข้าม ควักเงินดอล์ลาร์จ่ายเป็นปึ้งใหญ่ ๆ ออกมานับ เพื่อชำระค่าสินค้า หน้าตาเฉยมาก
สำหรับด้านการลงทุน ศึกษาข้อมูลและคุยกับอาจารย์ชูใจ ซึ่งเป็นเพื่อนมิตรที่ดี ที่ดูแล ในการทำค้าที่นั้น กล่าวว่า ในเวลานี้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นบุกแรงมาก สาเหตที่ญี่ปุ่นกล้าลงทุนเพราะเห็นว่าการเมืองของกัมพูชามีความมั่นคงและแน่นอน อย่างเช่น บริษัท อิออน ได้สร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงพนมเปญ ลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจไทยหลายรายต่างให้ความสนใจที่จะไปเปิดสาขาที่นั่น อาทิ เมเจอร์ เอสแอนด์พี และบริษัทเอนเตอร์เทนเมนท์อื่นๆ ก็ให้ความสนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้สินค้าอื่นๆ ก็จะกล้าตามไป แม้แต่โรงสีข้าวของไทยก็ไปตั้งโรงสี 4-5 โรงแล้ว นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการ์เมนท์ที่ไปลงทุนที่นั่นเพื่อแสวงหาแรงงานราคาถูก
“มีกลุ่มนักธุรกิจ เพื่อน ๆ ของดิฉันสนใจที่จะไปลงทุน มอบหมายให้ดิฉัน เป็นที่ปรึกษา ดิฉันเห็นว่าธุรกิจที่น่าสนใจ คือ "การ์เม้นท์" ดิฉันได้ทำการสำรวจและเช่าโรงงาน ข้อดีอย่างหนึ่งของการทำโรงงานที่นี้ คือ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อยู่ตรงไหนก็ได้ สำหรับเครื่องจักรก็สามารถนำเข้าโดยอาศัยการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเหมาะกับธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยมากๆ”
มีหลาย ๆ ท่าน สอบถามดิฉัน แล้วอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น ต้องทำอย่างไร ดิฉันเสนอแนะไปว่า หากต้องการลงทุนในกัมพูชา ควรไปสถานทีที่เสถียรภาพในแง่ของแรงงาน การขนส่งสินค้าที่สะดวก ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำ
และแหล่งที่น่าสนใจที่ควรเข้าไปลงทุนก็คือ พนมเปญ และเมืองโดยรอบพนมเปญ โดยใช้การขนส่งจากพนมเปญไปออกท่าเรือที่เวียดนาม ซึ่งโลจิสติกส์ถูกที่สุด และโดยเฉพาะเรื่องแรงงานมีเสถียรภาพมากเพราะคนกัมพูชาชอบอยู่ในเมืองกรุง คนต่างจังหวัดก็ชอบย้ายเข้ามาทำงานในกรุง หากคิดจะลงทุนชายแดนมองว่า แรงงานไม่มั่นคง ซึ่งแรงงานชอบอยู่เมืองหลวงมากกว่า คนที่นี้ชอบอยู่เมืองหลวง เพราะชอบความเจริญ เพราะที่ชายเมืองจะยากลำบากในเรื่องน้ำไฟ และไม่เจริญ
ดิฉันไปใช้ชีวิตทำการค้า และติดต่อธุรกิจระยะเวลาไม่นานนัก ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชาเห็นว่าเขาเปิดประเทศ ธุรกิจทุกอย่างเปิดประตูสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติ สามารถจดทะเบียนต่างชาติได้ 100% เช่าที่ดินได้มากถึง 70 ปี ซึ่งจะได้รับส่งเสริมการลงทุนเหมือนบีโอไอ ศึกษาข้อมูลและคุยกับอาจารย์ชูใจ ครูสอนภาษาไทยที่พนมเปญ
เมื่ออ่านข้อเขียนของ ดร อิสิวุฒิ ตั้งเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ผู้มีประสบการณ์ยาวนานในการทำธุรกิจในกัมพูชา มองว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดในแถบอาเซียนในเวลานี้ ปัจจุบันการทำธุรกิจในกัมพูชาเป็นระบบทั้งหมด การขอใบอนุญาติ ภาษีชัดเจน ซึ่งต้องยอมรับว่ามีระเบียบการลงทุนที่ชัดเจนซึ่งต่างจากเมื่อก่อนมาก
วันนี้ถนนทุกเส้นในกัมพูชาเป็นถนนเศรษฐกิจทั้งหมด เนื่องจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนเรื่องโลจิสติกส์ให้กัมพูชาเกือบทั้งหมด เพราะจีนมองกัมพูชาเป็นหัวเจาะหัวหนึ่งที่เจาะไปยังเวียดนามทางโฮจิมินห์ แต่โปรถทราบค่ะ คนกัมพูชาส่วนใหญ่ไม่ชอบคนจีน เพราะเขามองว่าคนจีนเข้าไปเอาเปรียบเขา(จากการบอกเล่าของอาจารย์ชูใจ)
การลงทุนปัจจุบันบริเวณแนวชายแดนที่จีนเข้ามาสร้างระบบขนส่ง การลงทุนด้านการแปรรูปพลังงานและภาคเกษตรทั้งจากจีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีการเติบโตสูง การปรับเปลี่ยนต่างๆ เป็นไปตามความเจริญ
“สมัยก่อนต้องตั้งโรงงานแล้วจึงเอาวัตถุดิบเข้าไป แต่วันนี้ต้องลากโรงงานเข้าไปตั้งในบริเวณที่มีวัตถุดิบและกลางดงแรงงาน”
“ในวันนี้สำหรับท่านที่ต้องการไปลงทุนที่พม่า อาจยังไม่ต้องคุยกันเพราะความเจริญยังไปไม่ได้ ลาวความเป็นธรรมชาติเยอะการลงทุนยังไม่เท่าไร เวียดนามยังเป็นระบบสังคมสูงเกินไป ฉะนั้นวันนี้ใน CLMV กัมพูชาน่าลงทุนมากที่สุด” จากการสัมภาษณ์ ดร.อิสิวุฒิ
ทุกวันนี้การลงทุนล้วนมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ดร. อิสิวุฒิ แนะว่า ท่านจะต้องมีบริษัทกัมพูชาที่ไว้วางใจ เอาคนไทยรวมหุ้นแล้วให้คนไทยมีหุ้นมากกว่า โดยให้คนไทยเข้าไปบริหาร ส่วนการนำเข้าส่งออกในกัมพูชา ระบบศุลกากรที่กัมพูชามีชิปปิ้งให้บริการจัดการให้หมด เตือนสำคัญอย่างยิ่งคือ เรื่องการค้าด้วยเงินสดสำคัญมากหรือควรโอนเงินเข้าธนาคาร ซึ่งดิฉันเห็นจริงตามที่ ดร.อิสิวุฒิ ได้กว่าวไว้ไม่มีผิด ทั้งสำรวจเอง การบอกเล่าของเพื่อน ๆ ที่เข้าไปทำมาค้าขายและการพูดคุยกับคนกัมพูชาเอง
ดิฉันขอเสนอแนะเพิ่มเติมท่านที่ต้องการไปลงทุน ที่ประเทศกัมพูชา ท่านต้องทำการบ้านให้ดี หาข้อมูลเขตพื้นที่อุตสาหกรรม ที่เข้ามาประชาสัมพันธ์ให้เราไปลงทุน แต่เอาเข้าจริง เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะในบางพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยและเป็นเขตอุตสาหกรรมไม่ได้ ท่าเรือก็ไม่ได้ พื้นที่ระยะก็ไม่ได้ เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างมาก
กัมพูชาวันนี้ในบริบทการมั่นคงทางการเมืองมีสูง และรูปแบบการประกอบธุรกิจที่เป็นระบบค่อนข้างสูง แม้ว่าวันนี้กัมพูชาเป็นประเทศที่น่าลงทุน แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการเข้าไปลงทุนที่นั่นคือ เราต้องทำการประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่าย ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการค้าร่วมกัน ไม่เอาเปรียบเขา เสมอภาคกับเขา ตรงไปตรงมา เตรียมเข้าและเตรียมออกเสมอ อย่าแค่เตรียมเข้าและไม่แผนออกนะค่ะ ...
ทุกท่านค่ะ เมื่อท่านต้องการไปเทียวหรือไปลงทุน หาคู่ค้า หรือไปเจรจการค้า ต้องการคำปรึกษาหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้นะคะ เบอร์ตรง 081 1028381 หรืออีเมล์ smotthailand@gmail.com
Exhibition GERMANY :เรียนรู้ความล้มเหลว